ถ้าใครที่ชื่นชอบดูหนังก็คงจะเคยได้ติดตามดูข่าวกันมาอยู่บ้าง และคงจะรู้กันดีว่าก่อนหน้านี้นั้นได้เคยมีปรากฏการณ์ที่สำคัญและยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้วงการหนังของประเทศไต้หวันนั้นได้สั่นสะเทือนและโด่งดังครั้งยิ่งใหญ่ ได้ทำการกำเนิดหนังหนึ่งเรื่องออกมาให้เรานั้นได้รับชมกัน และถ้าคนๆนั้นได้ลองไปดูหนังเรื่องนี้นั้นคุณจะต้องตกใจและทึ่งไปกับความมหัศจรรย์ของหนังเรื่องนี้ ถ้าคุณอยากลองรับชมแล้วเราไปดูหนังเรื่องนี้กันได้เลย
Your Name Engraved Herein หรือว่าชื่อภาษาไทยที่เราได้ยินกันชื่อที่สลักไว้ใต้หัวใจ เป็นหนังไต้หวันที่ได้สั่นสะเทือนวงการภาพยนตร์ของประเทศไต้หวัน การสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมานั้นจึงทำให้วงการภาพยนตร์ของประเทศไต้หวันนั้นได้ถูกขับเคลื่อนไปสู่ระดับสากลไปอีกขั้น เพราะว่าหนังเรื่องนี้นั้นเป็นหนังที่สามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาลแบบเหนือความคาดหมายสุดๆ เพราะว่าพวกเขานั้นทำรายได้ไปทั้งหมด100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน กลายเป็นอีกหนึ่งหนังม้ามืดที่สามารถทำรายได้ กลายมาเป็นอันดับหนึ่งของปีที่ได้เปิดฉายกันอย่างน่าตกใจ
Your Name Engraved Herein เป็นหนังที่พูดถึงเรื่องราวของเด็กนักเรียนที่ได้ทำการเรียนอยู่ภายในโรงเรียนคาทอลิกชายล้วน โดยจะเป็นเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นภายในช่วงปี1988 ซึ่งสังคมในขณะนั้นกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดยเรานั้นจะได้เห็นอาฮั่น กับ เบอร์ดี้ ซึ่งทั้งคู่นั้นมีความสนิทสนมกันอย่างมาก ซึ่งพวกเขานั้นก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทการที่จากการที่พวกเขาทั้งสองคนนั้นได้อยู่ร่วมชมรมโยธวาทิตของโรงเรียนด้วยกัน
จากการที่พวกเขาทั้งสองคนนั้นได้มีมิตรภาพอันดีงามและเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่าไหร่ มันนั้นก็ได้แปรเปลี่ยนให้กลายเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถแสดงออกได้ภายในยุคนี้อาฮั่น กับ เบอร์ดี้ได้ทำการสร้างความสัมพันธ์ที่ยากลำบากขึ้นมาเสียแล้วยิ่งในตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงวัยที่กำลังเป็นวัยรุ่น ที่มีความว้าวุ่น และเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต จึงทำให้ในตอนนี้ความรู้สึกรักให้ในตัวของพวกเขาทั้งสองคนนั้นใกล้ที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเวลาเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นก็ตามแต่ว่าพวกเขานั้นก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้ความในใจของพวกเขาทั้งสองคนนั้นกลายเป็นความสัมพันธ์ที่สังคมนั้นยอมรับได้จริงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าในตอนนี้สภาพแวดล้อมของสังคมนั้นอาจจะยังไม่เหมาะสม
เราจึงขอสรุปได้ว่าถ้าคุณได้ลองดูหนัง Your Name Engraved Herein ที่มาจากไต้หวันเรื่องนี้ คุณอาจจะได้เห็นถึงการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ และอาจจะเห็นเหมือนกับการเป็นสัญลักษณ์ที่จะนำมาใช้เพื่อเรียกร้องให้สังคมนั้นได้ตระหนักคิดแบบจริงจัง ว่าความรักนั้นมีความหลากหลายมากกว่าที่คิดสามารถเกิดขึ้นกับเพศเดียวกันก็ได้เช่นกัน